เป็นคนที่ทำงานหนักมาก สำหรับคุณแม่ลูกหนึ่งอย่างแพท ณปภา แถมยังมีเรื่องราวในชีวิตที่หนักไม่แพ้กัน แต่แพทก็เข้มแข็งมาก และเจ้าตัวก็ได้ออกมาพูดถึงเรื่องราวต่างๆ เราตั้งใจให้เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว วันแรกของลูก มันเป็นภาพที่น่ารัก เรากับเขาก็ยังคุยกันอยู่ แต่สถานะมันเปลี่ยนเป็นเพื่อน เป็นคุณพ่อ คุณแม่แทน ส่วนคำเรียกแทนว่าพ่อ แม่ คือเรียกแบบนี้มาตั้งนานแล้ว เขามีอะไรก็จะเรียกแม่ แม้แต่ในไลน์ เราก็เรียกเค้าพ่อ ถึงจะไม่ใช่สามี ภรรยา แต่เราก็ยังเป็นพ่อและแม่ให้เรซซิ่ง ก็ทำหน้าที่ตรงนั้นให้ดีที่สุด สถานะตอนนี้เราโฟกัสที่ลูก เราคุยกันเหมือนเพื่อน ความสนุกมันมากขึ้นด้วยซ้ำ
เบนซ์มีคนคุยใหม่แล้ว?
ไม่รู้เลย ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้ หรือเรื่องส่วนตัวเลย เรื่องที่คุยคือ ไปขี่รถ จะขายรถ โฟกัสส่วนใหญ่เรื่องลูก คือเราพูดแต่แรกอยู่แล้วว่ามีได้ ถ้าเขามีมันก็ชัดเจนกับเรา กับคนในสังคมด้วย และเราก็อยากให้รู้กันสามคนด้วย เราก็ต้องบอกลูกด้วยว่ามันเป็นแบบนี้ ดีกว่าไปอยู่กับป๊าแล้วลูกถาม คนนั้นคือใคร
วันนึงเราก็ต้องคุยกับลูกว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เพราะอะไร ถ้าลูกถามเราต้องทำให้ได้ ถ้าเขาคุยกับใคร แต่ที่เค้าไม่บอกอาจจะแค่ยังไม่แน่ใจ หรือกำลังคุยอยู่ ถ้าถามแพท ไม่รู้เลย
ในอนาคตไม่แน่นะ คือเราทำงานกับพี่โอ๊ตมากๆ เคมีมันดูไปด้วยกันได้ แต่มันยังไม่ถึงขั้นพัฒนาไปอย่างอื่น เรามองหน้ากัน เรามีเซ้นส์กันอยู่แล้วว่ายังไปไม่ถึง แต่ไม่ได้หมายถึงอนาคตเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงได้หมด
แพ้ทางหนุ่มตี๋อยู่แล้ว ดูได้จากสามีเก่า เราเป็นพวกขี้เล่น ไม่เอาจริงหรอก เรื่องเกิดที่หาดใหญ่กำลังจะบินกลับดอนเมือง เค้ายืนอยู่ในร้านขายของ หางตาเราก็เห็นแล้วว่าดี ก็เลยทำเป็นหยิบของไม่ถึง เค้าก็เลยพูดขึ้นมาว่า ช่วยหยิบให้มั้ยครับ เราก็บอกว่ารอคำนี้อยู่ ช่วยหยิบให้พี่ที
เค้าอายุ 22 เรา 33 ก็ถามชื่อเลย เค้าชื่อต้าร์ แล้วก็ถามว่าชอบคนแก่มั้ย เค้าก็ตอบกลับมาว่า ผมก็ไม่ติดนะพี่ ก็ไม่ได้แลกไลน์กัน เขิน เค้าก็คงคิดว่าหยอกเล่น
หายากกว่าเดิมอีก เพราะเราไม่ได้โสดเฉยๆ เราโสดลูกหนึ่ง เค้าต้องรับลูกเราให้ได้ เราไม่เชื่อว่าจะมีใครจะรักลูกได้เท่าพ่อแม่จริงๆ ถ้ายังไม่เจอก็ไม่รู้จะเปิดใจไปทำไม เรากลัวคนที่เข้ามาไม่รักลูกเรา จะมารักแต่เราไม่ได้นะ
ต้องบอกว่ากับแม่ ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก วันที่เสียเราแค่ช็อกว่า ทำไมไม่บอกเราก่อนเลยว่าป่วย ทั้งที่เราก็คุยกันมาก่อนหน้านี้ พยายามบอกว่าอยากไปหา เขาก็ไม่อยากให้เราเห็นในสภาพนั้น
บอกแม่ไปแล้วว่าแม่จงภูมิใจ ลูกแม่ทั้งสองคนเก่งมากๆ ถึงแม้เราจะไม่ได้เจอกัน 33 ปี แต่อย่างน้อยวันสุดท้ายของชีวิต เค้านึกถึงเรา ได้ทำหน้าที่ลูกครั้งสุดท้ายคือดีที่สุดแล้ว คุณตา คุณยายก็บอกว่าแม่ไม่เคยลืม แต่เค้าเกรงใจครอบครัวของพ่อ เพราะเค้าไม่ได้เลี้ยงเรา เค้าไม่รู้จะเริ่มต้นพูดกับลูกคนนี้ยังไง
มีสัมผัสพิเศษตั้งแต่เด็ก
ชีวิตผูกพันกับผีตั้งแต่เกิดเลย ตอน 5-6 เดือน กำลังจะคลานจะเดิน ตกมาจากบ้านสูงมาก แล้วนิ่งเลย แม่ก็กระโดดข้ามตัวไปมา 3 ครั้ง ตามความเชื่อโบราณ ถึงฟื้น ถ้าแม่ไม่กระโดดข้าม ผีก็มาเอาตัวไป เราอยู่ข้างโรงเจเก็บศพไม่มีญาติ เจอแบบนี้ทุกวันจนชิน ผูกพันกับผีมาตลอด ตอนเด็กไม่เคยเห็นเป็นตัว แต่ตอนโตเห็นเป็นตัวเลย ตอนอยู่อรัญประเทศ ศพเขมรแดงเป็นร้อยกองที่วัด บ้านเราอยู่หน้าวัด ก็ไม่รู้สาเหตุ สุดท้ายมาทำงานกับมูลนิธิร่วมกตัญญู
ตอน 8-9 ขวบ ขี่จักรยานไปดูเครื่องบิน กับไทด์น้องชายฝาแฝด เขาก็เร่งให้ขี่เร็วๆ รถเลยชนเสาไฟฟ้า น้องชายกลัวความผิด เลยลากเราลงป่าข้างทาง แล้วดึงหญ้ามาโปะให้มิด แล้วหนีกลับบ้าน แต่คนแถวนั้นมาเห็น ก็วิ่งมาดู เราหัวโนปูดไม่รู้เรื่อง สลบไป 11 ชั่วโมง
ระหว่างนั้นมีคนพาไปเที่ยวนรก สวรรค์ ถ้าพูดไม่จริง ให้ตายต่อหน้าไฟเลย มันเวิ้งว้าง เหมือนมองจากเครื่องบินลงมา เห็นคนตัวเล็กๆ ใส่ชุดนุ่งขาวห่มขาวเต็มไปหมด ตรงนั้นน่าจะเป็นสวรรค์ ส่วนนรกมืด เหมือนมีไฟ กระทะทองแดง เขาพาไปหลายที่ แล้วเราก็ฟื้นเหมือนเขาให้เรามาช่วยคน ยังไม่ให้ตาย
เคยโดดหน้าผา ตอนถ่ายหนัง สูงเท่าตึก 15 ชั้น สแตนด์อินยังไม่กล้าโดด เราเลยโดดเอง จากนั้นไม่รู้ตัวอีกเลย รู้ตัวอีกทีตอนอยู่ใต้น้ำ
เคยถูกผีสาวข่มขืน ตอนอายุ 17 ปี กลับจากโรงเรียนโปลีเทคนิค เหนื่อยมากก็นอน หลับไม่ถึง 5 นาที ได้ยินเสียงกลอนประตู ก็มองไป นึกว่าไทด์กลับมา แต่ตกใจมาก เพราะเห็นเหมือนผู้หญิงเดินเข้ามา ผมยาวปิดหน้าปิดตา ไม่เห็นหน้า ตัวขาวมาก แต่ข้างล่างใส่เหมือนผ้าถุงเก่าๆ เสื้อคอกระเช้าเก่าๆ
ตอนนั้นเรากระดิกตัวไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นเอาหน้ามาใกล้เรา แล้วขึ้นคร่อมเลย ลูบไล้ แล้วดึงกางเกง ตอนแรกว่าจะสวดมนต์สู้กับผี แต่คิดอีกทีก็ลองดู มีอะไรกัน มันไม่ใช่ฝัน มาครั้งเดียว แล้วก็ไม่มาอีกเลย
บวชเป็นพระ ผีก็ยังตามไป หลังบวช 2 อาทิตย์ นั่งสวดมนต์อยู่ หมาหอนเหมือนในหนัง ได้ยินเสียงคนเดินไปเดินมา มาออตรงหน้าต่างกุฏิ พอสวดจบก็หายไป เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่สวดมนต์ วันไหนไม่สวดก็ไม่มีอะไร
กลายเป็นกระแสในโลกโซเชียล เมื่อดาราสาวคนสวยมิน พีชญา ได้ไปร่วมเดินพรมแดง ในงาน Venice International Film Festival เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ เก่าแก่ที่สุดระดับโลก ครั้งที่ 76 ณ ประเทศอิตาลี แต่ละชุดนั้นขอบอกว่าสวยสะดุดตามากๆ มาพร้อมกับเครื่องประดับสุดหรูมูลค่าหลายสิบล้าน
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป